Breaking News
Popular News






Enter your email address below and subscribe to our newsletter

โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการฟุตบอลแอฟริกา ด้วยการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก U20 2025 ได้สำเร็จ หลังเอาชนะ ฝรั่งเศส ในการดวลจุดโทษที่ตื่นเต้นระทึกใจ 5-4 หลังจากเสมอกัน 1-1 ในช่วง 120 นาที
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ “แอตลาส คับส์” กลายเป็นชาติจากทวีปแอฟริกาเพียงชาติที่ 3 ที่สามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์นี้ได้ ต่อจาก ไนจีเรีย (ปี 1989, 2005) และ กาน่า (ปี 2009)
ฮีโร่ตัวจริงของโมร็อกโกในเกมนี้คือ อับเดลฮาคิม เมสบาฮี ผู้รักษาประตูสำรองที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาก่อนการดวลจุดโทษจะเริ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยเป็นผลมาจากการตัดสินใจที่กล้าหาญของโค้ช ฮิชาม อาบูสเฟียน ซึ่งผู้รักษาประตูมือหนึ่งอย่าง ยานิส เบนเชาช์ ได้รับบาดเจ็บและถูกเปลี่ยนตัวออกไปในช่วงท้ายครึ่งหลัง
และกลยุทธ์ดังกล่าวก็ได้ผล เมื่อ เมสบาฮี พุ่งเซฟลูกยิงของ ฌิยง เอ็นเกสซาน ในช่วงซัดเดนเดธของการดวลจุดโทษ ส่งให้ทัพแอตลาส คับส์ เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

เกมการแข่งขันดำเนินไปอย่างตึงเครียด โดยโมร็อกโกขึ้นนำไปก่อนในนาทีที่ 33 จากลูกจุดโทษที่ ยาสซีร์ ซาบิรี่ ยิงไปชนเสา แต่บอลกระดอนไปโดน ลิซานดรู โอลเมต้า ผู้รักษาประตูฝรั่งเศสเข้าประตูไปอย่างโชคร้าย (1-0)
อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศส ตามตีเสมอได้ในช่วงต้นครึ่งหลัง จากลูกยิงของ ลูคัส มิชาล ที่ทำประตูที่ 5 ของตนเองในทัวร์นาเมนต์นี้ ทำให้เขากลับมาอยู่ในเส้นทางลุ้นรางวัลรองเท้าทองคำ
สถานการณ์ของฝรั่งเศสเลวร้ายลงไปอีกเมื่อ แร็บบี้ เอ็นซิงกูล่า ถูกไล่ออกในช่วงต่อเวลาพิเศษหลังจากได้รับใบเหลืองที่สอง ทำให้ต้องเล่นด้วยผู้เล่น 10 คน และไม่สามารถทำประตูชัยได้จนต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ
ในที่สุด ความกล้าหาญของโค้ชโมร็อกโก และความยอดเยี่ยมของผู้รักษาประตูสำรองก็ได้พา โมร็อกโก เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งพวกเขาจะไปพบกับเจ้าภาพ อาร์เจนติน่า ในนัดชิงดำที่สนาม Estadio Nacional Julio Martínez Prádanos กรุงซันติอาโก ในวันอาทิตย์นี้
ใครกำลังมองหาลิงก์ ดูบอลสดฟรี ครบทุกคู่ พร้อมตารางบอลวันนี้และบทวิเคราะห์ก่อนเกม ที่นี่มีครบ จบในที่เดียว